ทันตกรรมโรคเหงือปริทันต์ ตัดเหงือก ปลูกเหงือก ปลูกกระดูกฟัน

ปัญหาโรคปริทันต์ หากเหงือกอักเสบถูกทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบซึ่งอาจทำให้สูญเสียฟัน,เหงือกร่นและมีกลิ่นปากได้

การรักษาที่เกี่ยวข้องกับเหงือก ประกอบด้วย :

1.

gums cleaning

การขูดหินปูนและเกลารากฟัน

การขูนหินปูนทำความสะอาดร่องเหงือกเพื่อป้องกันและรักษาอาการเหงือกอักเสบ

2.

gingivectomy

การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก

การกำจัดเหงือกที่มากเกินไป

3.

crown lengthening

ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟัน

การผ่าตัดเหงือกเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับฟันที่เข้ารับการทำครอบฟัน

4.

gum grafts

ศัลยกรรมปลูกเหงือก

เพิ่มปริมาณความหนาของเหงือกในบริเวณที่เหงือกร่น

5.

bone grafting

การเสริมกระดูก

การเพิ่มกระดูกขากรรไกรในบริเวณที่ไม่สมบูรณ์เพียงพอหรือเพื่อเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับการปลูกรากฟันเทียม 

การขูดหินปูนและเกลารากฟัน

dental treatment

การขูดหินปูนและเกลารากฟัน คือ ขั้นการทำความสะอาดเหงือกที่ช่วยลดการอักเสบของเหงือกและช่วยรักษาโครงสร้างของฟัน การทำความสะอาดเหงือกมักใช้กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์

แบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติในช่องปาก หากมีการเจริญเติบโตในเหงือกเป็นจำนวนมากก็จะก่อให้เกิดผลเสียที่เป็นอันตราย โดยสิ่งนี้จะไปกระตุ้นร่างกายซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในเหงือกได้ โดยการอักเสบเรื้อรังของเหงือกจะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกและเกิดเหงือกร่นได้

หากเป็นโรคปริทันต์หรือมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคเหงือกอักเสบ กรุณาพบทันตแพทย์เฉพาะทางโรคเหงือกและปริทันต์ อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพของเหงือก

ปรึกษาหมอฟันออนไลน์

การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก

gingivectomy

การทำศัลยกรรมตกแต่งเหงือก อาจทำเพื่อช่วยรักษาโรคปริทันต์หรือแก้ไขสภาพเหงือกเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างรอบ ๆ ฟัน เพื่อความสวยงามที่ดีขึ้น ขั้นตอนในการรักษาคือการตัด(เหงือก) จากด้านในและด้านรอบๆ ฟัน เพื่อให้ได้รูปทรงร่องเหงือกโดยรวมที่เหมาะสมมากขึ้น

“การยิ้มเห็นเหงือก” ซึ่งบางคนที่มีเนื้อเหงือกเยอะบริเวณรอบ ๆ ฟันบน สามารถรักษาโดยการทำศัลยกรรมตกแต่งเหงือก

ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟัน

crown lengthening

ศัลยกรรมเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวของฟันโดยปกติจะทำกับฟันหน้า เพื่อเพิ่มความยาวของฟันหรือมิติของฟันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาก่อนที่จะทำการบูรณะฟัน โดยการทำครอบฟันหรือวีเนียร์ ซึ่งทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องกรอฟันของคนไข้

การผ่าตัดเหงือกโดยทั่วไปจะใช้มีดผ่าตัดในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และหลังจากขั้นตอนการผ่าตัดเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะนัดเพื่อกลับมาตรวจเหงือกอีกครั้งหลังจากได้รับการผ่าตัดไปประมาณ 1-2 สัปดาห์

FAQ : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตัดเหงือก

A : ทำศัลยกรรมตัดเหงือก ก่อให้เกิดแผลและเกิดกระบวนการอักเสบเหมือนปกติทั่วไป ดังนั้น ผู้เข้ารับการรักษาต้องไม่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อการเกิดแผล การหายของแผล หรือการแพ้ยาชา

A : ถ้าหากเป็นแผลที่เกิดจากการตัดเป็นแผลขนาดเล็ก สามารถหายเองได้ใน 1 อาทิตย์ และไม่ทำให้มีไข้หรืออ่อนเพลียแต่อย่างใด

A : เหงือกเมื่อผ่าตัดอย่างถูกวิธีแล้วจะไม่มีการงอกออกมาได้อีก

A : สามารถทำได้ ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการรักษาการตัดแต่งเหงือกในขั้นตอนขณะนั้น เช่น การตัดแต่งเหงือก

  • เพื่อพื้นที่ของฟันในการติดเครื่องมือจัดฟันเพิ่มเติม
  • เมื่อพิจารณาแล้วว่า คนไข้ไม่สามารถทำความสะอาดฟันได้ไม่ค่อยดี เนื่องจากเหงือกบวมมาก เหงือกเยอะและอักเสบ
  • มีฟันผุ หรือ ฟันแตกใต้ขอบเหงือกในขณะรักษาการจัดฟัน
  • มีแผนการรักษาว่าจะทำ ครอบฟัน, วีเนียร์ หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน

A : การศัลยกรรมตัดแต่งเหงือกไม่เจ็บ เพราะก่อนทำแพทย์จะฉีดยาชา รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ มีความทันสมัย (ตัดเหงือกเลเซอร์ และเครื่องตัดเหงือกไฟฟ้า) และหลังทำการรักษา หากรู้สึกปวดสามารถทานยาแก้ปวดที่เพียงพอ และมีที่ติดแผล (dressing) บริเวณเหงือก ช่วยลดอาการเจ็บได้อย่างดีมาก

การปลูกเหงือก

gum grafts

การปลูกเหงือกมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันภาวะเหงือกร่นและในบางกรณีใช้เพื่อลดภาวะเหงือกร่นที่เป็นอยู่ไม่ให้แย่ลงการปลูกเหงือกที่ประสบความสำเร็จจะต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง มีลำดับขั้นตอนในการตรวจที่ดี เช่นเดียวกันกับการให้ความร่วมมือของผู้ป่วยในการดูแลสุขภาพของช่องปากด้วย

การปลูกกระดูก เสริมกระดูกฟัน

bone grafting

การปลูกกระดูกคือการใช้กระดูกเทียมหรืออาจเป็นกระดูกของตัวผู้ป่วยเอง ปลูกถ่ายเข้าไปในกระดูกขากรรไกรหรือปลูกถ่ายกระดูกพร้อมกับการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

ประเภทของกระดูกทดแทน (Bone graft)

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถหากระดูกมาทดแทนได้อย่างหลากหลาย โดยหลัก ๆ กระดูกทดแทนจะมีทั้งหมด 4 ชนิด คือ

  1. Allografts : กระดูกจากสิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกันเป็นกระดูกจากผู้บริจาคซึ่งผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อ และสเตอร์ไรด์แล้ว เป็นเซลล์กระดูกที่ไม่มีชีวิต ดังนั้นการปลูกถ่ายกระดูกชนิดนี้จะเกิดความเสี่ยงกรณีร่างกายต่อต้าน ทำให้กระดูกไม่ติดเกิดขึ้นได้น้อยมาก และไม่จำเป็นต้องได้รับการการผ่าตัดหรือได้การแก้ไขเพิ่มเติ่มอื่นๆอีก

  2. Autograft : กระดูกจากคนไข้คือการผ่าตัดเก็บกระดูกจากบริเวณอื่นของคนไข้ มาปลูกในส่วนที่จะฝังรากฟันเทียม ข้อดีคือ เป็นกระดูกของคนไข้เอง มีเซลล์ของตัวเอง ร่างกายจะไม่ต่อต้าน แต่ข้อเสียคือคนไข้อาจจะมีแผลหลายตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งที่นิยมเก็บมา ก็คือกระดูกขากรรไกรบริเวณฟันคุด และคาง การเก็บกระดูกในลักษณะนี้ สามารถเก็บมาได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น เป็นชิ้น (block bone graft) หรือเป็นผง (particulated) เป็นต้น
  3. XenoGraft : กระดูกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเป็นกระดูกจากสัตว์ผ่านกรรมวิธีปลอดเชื้อ ซึ่งมีกรรมวิธีที่ยุ่งยาก จึงทำให้ราคาของกระดูกชนิดสูง แต่ข้อดีของกระดูกชนิดนี้คือละลายหายไปช้า ทำให้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ของทันตแพทย์ที่จะทำการปลูกกระดูก
  4. Alloplast : กระดูกสังเคราะห์ที่ทำจากแคลเซียม ฟอสเฟต หรือเซรามิก กระดูกที่จะนำมาปลูกถ่ายนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ให้การรักษา ในการเลือกประเภทของวัสดุที่จะนำมาใช้งานให้เหมาะสมกับลักษณะทางกายวิภาคของผู้ป่วยแต่ละท่าน

ติดต่อเรา โรงพยาบาลฟัน สุขุมวิท ซอย 2

โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH)
98 ซอยสุขุมวิท 2 แขวงคลองเตย, เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

Tel : 02-115-8977, 095-517-1587
Email : contact@dentalhospitalthailand.com

LINE ID @DentalHospital

ปรึกษาหมอฟันออนไลน์
ปรึกษาฟันออนไลน์

Google Maps : โรงพยาบาลฟัน กรุงเทพ BIDH

แผนที่และเส้นทาง BIDH สุขุมวิท

แผนที่โรงพยาบาลฟัน สุขุวิท ซอย 2
กลับไปด้านบน